วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562

ชมพูตามัย VS กอละร้อย

เหมือนหรือต่าง ระหว่างเยอบีร่าไทย ชมพูตามัย กอละร้อย


ซ้าย ชมพูตามัย - ขวา กอละร้อย

          ชมพูตามัย กับ กอละร้อย แฝดคนละฝา ที่ถูกเพาะพันธุ์โดยคุณตาละมัย หรือตามัย 
(บางทีก็ถูกเขียนว่า ชมพูละไมย ชมพูละไม ชมพูตาไมย ตามชื่อคุณตา และเนื่องจากเป็นชื่อเรียกคนในสมัยก่อนไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าชื่อของคุณตาละมัยนั้น สะกดอย่างไร) 
ซึ่งเยอบีร่าไทยทั้งคู่นี้ถือได้ว่ามีพ่อที่ให้กำเนิดคนเดียวกันก็ว่าได้

แฝดผู้พี่ กอละร้อย 



         กอละร้อย เป็นเยอบีร่าสีชมพูสวยหวานแปลกตา ชมพูหวานแหว๋วตัดด้วยขอบขาว ซึ่งไม้สีนี้ในยุคแรกๆ นั้นไม่ค่อยมี ถือกำเนิดโดยการผสมพันธุ์ไม้ ของตามัย นักเลงพันธุ์ไม้ในยุคนั้น หลายสวนที่ต้องการแม่พันธุ์ต้นนี้ก็ต้องมาซื้อกับตามัย ซึ่งเป็นไม้สุดรักสุดหวง ในยุคที่ออกมาแรกๆ จึงถูกตั้งราคาไว้สูงมาก กอละ 100 บาท สำหรับแม่พันธุ์ ซึ่งในยุคสมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวชามละบาท ถ้าไม่ซื้อเยอบีร่าต้นนี้สามารถกินก๋วยเตี๋ยวได้ร้อยชามเลยทีเดียว (ถ้าเทียบเล่นๆ กับเยอบีร่าอย่างลักษณ์แดงก้านดำที่ว่าตั้งราคาไว้ค่อนข้างสูง ในยุคสมัยของก๋วยเตี๋ยวชามละ 40 บาท ก็ยังแพงเท่าแม่พันธุ์อย่าง  กอละร้อยไม่ได้เลย กอละร้อยราคาของเค้าแรงจริงๆ 
         ในยุคสมัยต่อมาน่าจะมีการขายแพร่ขยายต้นพันธุ์ต่อไปในท้องที่อื่น จากกอละร้อย เลยเพี้ยนชื่อ ไปเป็น "สามกอร้อย" แทนชื่อกอละร้อยในบางพื้นที่ หรือไม่ก็อาจจะขายถูกลงจากราคา กอละ 100 บาทเป็น 3 กอ 100 บาทในยุคถัดไปในท้องที่อื่นๆ ก็เป็นได้ 
         แต่ของสวยสีหวานอย่างกอละร้อยก็ยังคงมีจุดอ่อน คือ กอละร้อยให้ดอกไม่ดก นานๆ จึงจะเห็นดอกซักที ไม่เหมาะกับการซื้อไปปลูกเพื่อเป็นไม้ตัดดอกขาย ตามัยจึงผสมพันธุ์ไม้ใหม่ ซึ่งให้ดอกดกกว่า ออกมาเป็นชมพูตามัย

แฝดผู้น้อง ต้อง ชมพูตามัย



         เยอบีร่าไทยสีชมพูอีกต้นถูกตั้งชื่อตามเจ้าของพันธุ์ ถ้าดูผ่านๆ ก็จะดูคล้ายกอละร้อย เนื่องจากใบที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน ใบใหญ่ ปลายใบโค้งมน  คล้ายๆ กัน แตกต่างเล็กน้อยตรงพุ่มกอ กอละร้อย จะเป็นพุ่มใหญ่ ในขณะที่ชมพูตามัย จะพุ่มจะเป็นทรงสวยกว่า ก้านใบจะยกตัวขึ้นเห็นทรงพุ่มที่ชัดเจนกว่า 

ดอก เป็นสิ่งที่จะแยกความต่างของทั้งคู่ได้ดีที่สุด เนื่องจากให้ดอกที่ต่างกัน ซึ่งต้องใช้การสังเกตเล็กน้อยเพื่อแยก ระหว่างกอละร้อย และชมพูตามัย (อาจจะแยกได้ยากสักหน่อยหากเป็นเพียงภาพถ่าย แต่ถ้าได้ลองปลูกดูทั้งคู่ จะเห็นความต่างของดอก ทั้ง 2 ต้นนี้)

        1. ทรงดอก ชมพูตามัยให้ดอกทรงที่มีลักษณะกลม ภาษาชาวสวนเรียก "ทรงกลีบดอกกลม" ซึ่งถือเป็น 1 ในลักษณะสำคัญของไม้ตัดดอกในยุคสมัยนั้น ในขณะที่ กอละร้อย จะมีแฉกกลีบดอกที่แยกออกมา เห็นได้ชัดเจน "ทรงกลีบดอกแฉก"
        2. ชั้นความหนาของกลีบดอก ชมพูตามัยให้กลีบของชั้นดอกที่หนากว่า ปกติอยู่ที่ประมาณ 6-7 ชั้นหรืออาจได้มากกว่าหากเลี้ยงงามๆ ในขณะที่กอละร้อยถูกจัดว่าเป็นไม้ประเภทกลีบบาง กลีบดอกซ้อนชั้นไม่เกิน 5 ชั้น
        3. ใจดอก คือบริเวณตรงกลางของดอก ศูนย์กลางของกลีบดอก ชมพูตามัยใจค่อนข้างใหญ่กลมสวยตั้งแต่ดอกอ่อนไปจนถึงบานเต็มที่ก็ยังคงใจดอกให้เห็นชัดเจน แต่กอละร้อยระยะดอกอ่อนมีใจให้เห็นและค่อยๆ เล็กลงๆ จนแทบไม่มีใจดอกเมื่อดอกบานเต็มที่
        4. สีของดอก ชมพูเหมือนกัน กลีบถูกตัดด้วยขอบขาวเหมือนกัน แต่ถ้าหากเทียบกันจะเห็นได้ว่าคนละเฉด ชมพูตามัยจะเฉดสีชมพูติดไปทางสีส้มสีเหลืองเล็กน้อย ในขณะที่ชมพูกละร้อยเป็นชมพูจริงๆ และจะเห็นการตัดขอบกลีบดอกได้ชัดเจนกว่า
        5. ก้านดอก ชมพูตามัยมีก้านดอกที่ใหญ่และแข็งแรงกว่ากอละร้อยที่ก้านค่อนข้างเล็ก

          ถ้าหากอยากเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนก็ต้องลองหาพันธุ์ชมพูตามัย มาปลูกคู่กับกอละร้อยดู แล้วจะรู้ว่าในความเหมือนนี้มีความต่าง

ขอขอบคุณข้อมูล จากชาวสวนเยอบีร่าไทยดั้งเดิมในเขตตลิ่งชัน และชาวสวนเยอบีร่าไทยดั้งเดิมพื้นที่อำเภอปลายบางผู้ให้ข้อมูล


ที่มา : Reuan Yaya Garden

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2562

That is love...Thai Gerbera


ว่าด้วยรัก...เยอบีร่า


.....ใครคนหนึ่งบอกฉันว่าเขาไม่ชอบที่จะยิ้ม เคยเปรียบความรักของเขาว่าเป็นต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา มันตายไปแล้วไม่มีวันฟื้นกลับ


เยอบีร่าที่เริ่มฟื้นตัวแตกยอดใหม่

.....ฉันส่งรูปนี้ไปให้ นี่คือต้นเยอบีร่าที่น่าจะตายไปแล้ว มันแค่ต้องใช้เวลา บางทีความรักที่ตัดสินจะรักแล้ว ยินดีที่จะรักดูแลไม่หวังผลตอบ ขอแค่มีความสุขที่ได้ทำ ถึงตอนนี้จะเป็นต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา หากเรายังรักก็แค่ยังคงดูแลรดน้ำอยู่เสมอๆ ไม่แน่หัวใจอาจเปิดขึ้นใหม่อีกครั้ง เหมือนต้นไม้ที่ค่อยๆ แตกใบอ่อนขึ้นมา หรือไม่ก็อาจจะมีต้นใหม่งอกขึ้นมาแทนที่พื้นที่ตรงนั้น

และเมื่อผ่านเวลาผ่านไป...ณ ตอนนี้ก็เป็นดังว่าต้นไม้แตกใบอ่อนได้ฉันใด ความรักเกิดขึ้นใหม่ได้ฉันนั้นและก็ขอยินดีด้วยนะ ที่กลับมายิ้มได้ มีต้นไม้ต้นใหม่งอกขึ้นมาแล้ว ดูแลกันดีๆ นะ


ความรักก็เหมือนกับการปลูกเยอบีร่าเช่นกัน อย่าหักโหมมากเกินไป แต่ก็อย่าน้อยเกินไป

           
          เพราะการปลูกเยอบีร่าไทยไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย ที่ต้องประคับประคองดูแลเอาใส่อยู่เสมอๆ และต้องใช้เวลาค่อยๆ เป็นค่อยๆ ถ้าอยากเก็บรักนี้ เก็บเยอบีร่าที่รักเหล่านี้ ก็อย่าไปหักโหมฝืนธรรมชาติของเขา เลี้ยงให้เป็นธรรมชาติอาจจะดีที่สุดก็ได้




เยอบีร่าใบเริ่มเหลืองเนื่องจากขาดธาตุอาหาร หรือภาษาเรียกแบบชาวสวนว่าเยอบีร่าบวช 
แก้ไขระยะสั้นโดยการใส่ปุ๋ยให้ธาตุอาหารใบก็จะกลับมาเขียว 
แต่เยอบีร่าเหล่านี้จะกลายเป็นแม่พันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ในการปลูกครั้งต่อไป

           
         ต้องมีความอดทน ความรักยังต้องใช้เวลาเป็นปี เยอบีร่าถ้าอยากเก็บพันธุ์ดีๆ ก็ต้องใช้เวลาเป็นปีเพื่อให้ได้หน่อที่แข็งแรงไปเป็นแม่พันธุ์ให้กับอีกหลายรุ่น หากใจร้อนไปเขาอาจจะยังไม่พร้อมและอยู่กับเราไม่นาน หลังแยกหน่อกว่าจะฟื้นตัวขึ้นใหม่ก็ต้องใช้เวลาและการดูแลอย่างพอดีๆ อัดปุ๋ยมากไปต้นก็งามอยู่พักหนึ่งก่อนค่อยๆ ฟุบตัวลง ก็อัดปุ๋ยอีกสุดท้ายก็สำลักปุ๋ยและก็สูญเสียต้นไป ก็ต้องหันกลับมาถามตัวเราว่าปลูกเพื่ออะไร เพื่อขายก็ต้องแข่งกับเวลาการเร่งให้ออกดอกงามๆ คงไม่แปลก แต่ถ้าเน้นอนุรักษ์เราก็ไม่จำเป็นต้องไปเร่งจนเขาเหนื่อยเกินไป หากใจร้อนกว่านั้นก็ส่งเข้าแลปเพาะเนื้อเยื่อกันไป ไม่แปลกที่จะทำแบบนั้น แต่อาจจะให้เกียรติ ติดต่อบอกกล่าวเจ้าของต้น เจ้าของพันธุ์น่าจะดีกว่าไม่ใช่หรือ...




ดอกเยอบีร่าไทยหลากหลายสีสัน

           ถ้าความรักนั้นประเมินค่าไม่ได้ พันธุ์เยอบีร่าไทยดีๆ อย่างไม้คัดพันธุ์จริงๆ แล้วน่าจะถือว่าประเมินค่าไม่ได้ เช่นกัน กว่าคนสมัยก่อนจะผสมพันธุ์ไม้ได้ดีๆ แต่ละต้นต้องใช้เวลาขลุกอยู่ในโรงเรือนกันเป็นเดือนๆ ไม่ต้องพูดถึงความยาวนานของรุ่นปู่ย่า แค่รุ่นพ่อที่เรือนญ่าญ๋าเองก็ใช้เวลาเกือบตลอดชีวิตของพ่อที่จะรักษาพันธุ์ให้คงอยู่ ผ่านน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯไปก็หลายครั้ง ฝั่งธนบุรีที่อยู่เป็นสวนเป็นคลองหน้าฝนก็น้ำท่วมสวน ต้องวิดน้ำดำน้ำลุยฝนเพื่อเก็บรักษาต้นพันธุ์ของดอกไม้ที่พ่อรักเอาไว้นับครั้งไม่ถ้วน อาจจะได้ไม่ทั้งหมดและเสียพันธุ์ดีๆ ไปก็หลายพันธุ์ แต่ได้เท่าที่มีก็พอใจ แม้สวนอื่นแถวนี้จะเลิกปลูกไปเกือบ 30 ปี แต่ที่นี่ก็ปลูกไว้เป็นไม้ประดับเรื่อยมา นี่แหละเยอบีร่าไทยที่เรือนญ่าญ๋ามี เราใช้เวลาและความอดทนแค่ไหนที่จะรักษาพันธุ์ไม้คัดพันธุ์สวยๆ เหล่านี้ไว้ ควรตีค่าเป็นราคาเท่าไหร่ดีหล่ะ เราเฝ้ารอและรักมาหลายสิบปีค่อยๆ รักษา ค่อยๆ ตามหาเรื่อยมา บางสวนก็หวงแหนพันธุ์ของเขา เราก็ต้องเข้าใจ ใจเขาใจเราเขารักเขาหวงของเขา ก็คงต้องใช้ความอดทนไม่แพ้กันเพื่อรักษาพันธุ์เอาไว้ และจากเรื่องราวที่ถูกเล่ารุ่นสู่รุ่นซ้ำไปซ้ำมาของย่าที่ไม่อยากให้ลืมเลือนว่าตระกูลเรามีเงินใช้จ่ายก็มาจากเยอบีร่าเหล่านี้ แล้วคุณหล่ะรอได้นานเท่าไหร่รักมากเท่าไหร่หนอ... ตีค่าเยอบีร่าไทยเหล่านี้เท่าไหร่กันหนา... บางครั้งของบางอย่างมีเงินมากเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้ถ้าไม่มีคนที่รักมากพอที่จะหวงแหนเอาไว้ เยอบีร่าไทยอาจเป็นแค่ต้นไม้ประดับชนิดหนึ่ง แต่สำหรับเราเยอบีร่าไทยเป็นมากกว่านั้น


ดอกเยอบีร่าที่ต้นโดนเพลี้ยเล่นงาน 
หน้าดอกก็จะดำต้องรีบเด็ดทิ้ง ทั้งดอก-ใบหากปล่อยไว้จะลุกลาม

         แม้แต่การดูแล ก็ไม่ต่างอะไรจากความรัก มากไปก็อึดอัด น้อยไปก็โหยหา เยอบีร่าเองถ้ารดน้ำมากก็รากเน่า น้อยก็ต้นเหี่ยวต้นโทรม อยู่ในที่ร่มมากก็ไม่โต กลางแจ้งร้อนมากก็เฉาบางต้นกลีบดอกก็ไหม้ ฝนมาก็ฟื้นตัวเร็ว ฝนมากก็รากเน่า ฝนๆ แดดๆ ก็เพลี้ยลง ก็คงต้องค่อยดูแลกันไป ฉีดยามากๆก็ไม่ดี ถามใจตัวเองดูว่ารักมากพอมั้ย แต่อย่างไรก็ต้องไม่ลืมที่จะรักตัวเองด้วย



เยอบีร่าไทยที่รากโคนผุ ซึ่งต้นจะไม่โต
          นอกจากนี้ยังสอนให้รักแบบไม่ยึดติด เพราะจะยึดติดกับดอกสวยงามของเขามากก็ไม่ได้ บางครั้งก็ต้องตัดใจตัดเพื่อให้เขาได้แตกหน่อออกดอกเพิ่ม ดอกหน้าดำก็ต้องคอยดูแลตัดทิ้ง หน้าฝนถ้าไม่พ่นยาก็ต้องตัดทิ้งแทบทั้งหมด หรือเมื่อครบเวลาแล้วยังยึดติดไม่ยอมแยกขยายขนาดกอก็จะค่อยหดลง หน่อแกร่งขึ้นแต่ต้นจะไม่โต และไม่ออกดอกงามๆ ให้เชยชมอีก และหากเจอไม้โคนผุ ซึ่งจะเริ่มจากใบเหลือง แล้วยุบตัวลงไปเรื่อยๆ รากผุสีเข้มคล้ำ เลี้ยงเท่าไหร่ก็ไม่โตก็ต้องตัดใจขุดทิ้งไป หรือไม่ก็ยอมย้ายไปดูแลต่างหากจะฟื้นก็ต่อเมื่อเขาค่อยๆ แตกหน่อใหม่ด้านข้างแต่ต้องใช้เวลานานมากทีเดียว


หากหลงรักเธอแล้วเจ้าเยอบีร่า...ก็ช่วยดูแลกันไปดีๆ เรื่อยๆ นะ

Love your...Thai Gerbera


ที่มา : Reuan Yaya Garden

เรื่องเล่าของลุงมนต์ คนสวนเยอบีร่าไทย

เล่าเรื่องเยอบีร่าไทย....ไปกับคุณลุงมนต์


งานศพของญาติผู้ใหญ่ในพื้นที่ทำให้พ่อกับลุงมนต์มาพบกันอีกครั้งที่วัด หลังไม่ได้พบปะกันมานาน หลังพูดคุยสารทุกข์สุขดิบกันซักพัก ลุงมนต์ก็ถามถึงเยอบีร่า
ลุงมนต์: เฮ้ย...ลักษณ์แดงของเอ็งยังอยู่มั้ย
พ่อ : ยังอยู่ จะเอามั้ยหละ
ลุงมนต์ : เออๆ เดี่ยวพรุ่งนี้แวะเข้าไปเอา

คนนี้ไม่ให้ไม่ได้ ถ้าขออะไรก็ต้องให้ สมัยก่อน (ประมาณ 30 กว่าปีก่อน) ลักษณ์ขาวเราน้ำท่วมสวนตายเกือบหมด ดีที่ลุงมนต์แกปลูกไว้ดูเล่นที่บ้าน ดอกออกงามเต็มกระถางเลย เห็นทุกครั้งที่เดินผ่านหน้าบ้านแกแต่ไม่กล้าขอ พอคุยเล่นกับคนขึ้นมะพร้าวแถวบ้าน ก็ทราบว่าแถวสวนลุงมนต์ยังมีอยู่พอสมควร แกยังปลูกดูเล่นใส่กระถางไว้ ตอนนั้นมี กุมาร ลักษณ์ขาว แดงถูกแทง (แต่ลุงมนต์ชอบเรียก "แดงสุดแทง" แกว่าฟังดูดีกว่า) เลยฝากอาที่ขึ้นมะพร้าวไว้ว่าถ้าไปขึ้นมะพร้าวสวนลุงมนต์ฝากขอเยอบีร่า "ลักษณ์ขาว" แกสักหน่อ

ไม่นานเกินรอเยอบีร่าไทยที่ชื่อว่า "ลักษณ์ขาว หรือ ลูกลักษณ์" กอใหญ่ก็มา ขอหน่อลุงมนต์หอบมาให้ทั้งกอ ลักษณ์ขาวสวยๆ ในเรือนญ่าญ๋าส่วนใหญ่ ณ ปัจจุบัน ก็มาจากลักษณ์ขาวกอนั้นของลุงมนต์

ตัดมา part ปัจจุบัน

วันถัดมาลุงมนต์ก็มาพร้อมจักรยาน ถือหน่อกล้วยไข่มาให้
ลุงมนต์เคยทำสวนเยอบีร่ามาตั้งแต่วัยรุ่น ทั้งปลูก ทั้งขาย เต็มพื้นที่กว่า 5 ไร่ ในสมัยนั้นลุงมนต์เล่าว่าแถวนี้มีแต่สวนเยอบีร่าทั้งนั้นแหละ ใครๆ ก็ปลูกกับเยอบีร่า สลับกับขิง ข่า กล้วย ฯลฯ แล้วแต่ว่าสวนใครจะปลูกอะไรเพื่อให้ดินได้เปลี่ยนธาตุอาหารในดิน ดินไม่เสีย ปีนี้ปลูกเยอบีร่าขนัดนี้ ปีต่อไปก็สลับไปปลูกขนัดอื่น ส่วนใหญ่สมัยนั้นปลูกกันอย่างน้อยๆ ก็เจ้าละ 3 ไร่ขึ้นไปไม่เช่นนั้นดอกก็อาจไม่พอขาย ได้ดอกไม่คุ้มค่าปลูก

ลุงมนต์เดินเข้ามาในสวนดูเยอบีร่า
ลุงมนต์ : เฮ้ยย...ปลูกไว้เยอะนี่หว่า
พ่อ : ตอนแรกกะจะปลูกไว้ดูเล่นหน้าเรือน พอลูกสาวเอาไปลงเน็ตขายได้ เลยขยายไปเรื่อย
ลุงมนต์ : อ่อ ไอ้หนูนี่เคยเห็นเล็กๆ ไปกับย่า ยังจำได้ๆ เมื่อก่อนตัวเล็กนิดเดียว
Me : สวัสดีคะ แล้วคุณลุงยังจำเรื่องราวเกี่ยวกับเยอบีร่าได้มั้ยคะ
ลุงมนต์ : ได้ๆ นี่ยังไม่แก่ ฮ่าๆๆ
Me : เล่าให้ฟังบ้างสิคะ
ลุงมนต์ : ได้ๆ (ลุงมนต์เดินไปอมยิ้มก็ชี้ เรียกชื่อต้นนั้น ต้นนี้) ไอ้นี่มันแดงถูกแทง หรือว่าไม่ใช่ นี่มันถูกแทงผสมใหม่ไม่ใช่ต้นดั้งเดิมนี่หว่า
ไอ้นี่ขาวครุฑ จำได้ๆ

ไอ้นี่สวยเว้ยย...สีอิฐยังอยู่อีกเหรอ เฮ้ย!! ไม่ใช่นี่ว่าสีอิฐหนากว่านี่ แล้วตอนบานเต็มที่ไม่แบะดอกลงแบบนี้ กลีบมันตั้ง ไอ้นี่มันไอ้ลิงนิลนนท์ ออกดอกสวย แต่หลอกข้าไม่ได้หรอก ฮ่าๆ สวยๆ เลี้ยงได้สวยจริงๆ
พ่อ : เอาไปเลี้ยงเล่นที่บ้านมั้ยหละ
ลุงมนต์ : ไม่เอาๆ เอาลักษณ์แดงต้นเดียวก็พอ เอาไปดูเล่นคู่กะลักษณ์ขาว
พ่อ : ลักษณ์แดงนี่ในเน็ตต้องการมากเลย
ลุงมนต์ : อ้าว..ตายห่า...มาขอของดีเค้าซ่ะด้วย มันเป็นของดีคู่สวนนี่ตลอดน่ะ ถ้าพูดถึงลักษณ์แดงก็ต้องที่นี่ ต้องมาหาพันธุ์จากพ่อเจือ (ปู่) ตั้งแต่สมัยก่อน
พ่อ : จะเอาอะไรก็เอาเถอะ บอกมาได้ ปกติมีแต่คนที่มาเห็นแล้วอยากได้ต้นนั้นต้นนี้
ลุงมนต์ : ไม่เอาๆ ไว้สวยๆ ที่นี่แหระ ไว้ว่างๆ จะปั่นจักรยานมาชมบ้าง
ไอ้นี่มันทองประศรีนี่หว่า ไม่เห็นนานแล้ว
พ่อ : ทองประศรีใช่มั้ย ไม่ใช่เหลืองถ่อน่ะ
ลุงมนต์ : ทองประศรีๆ ไม่ใช่ไอ้ถ่อมันอีกต้น ใบแบบนี้มันทองประศรี ข้าจำใบมันได้
พ่อ : เห็นยังว่าต้นนี้ทองประศรี ทั้งย่า พ่อ และลุงมนต์ยืนยันแล้วนะว่ายังไงต้นนี้แบบนี้ก็ทองประศรี


เยอบีร่าไทย ลักษณ์ขาว ลูกลักษณ์

เมื่อเดินผ่านไปอีกร่อง
พ่อ : นี่ไงลูกลักษณ์ที่ได้มาจากพี่มนต์ แทบทั้งนั้นเลย
ลุงมนต์ : เออเฮ้ย...งามๆ แต่ยังไงก็ไม่เหมือนลักษณ์ต้นเดิมเนอะ ไอ้นั่นมันดก แต่ก้านมันสั้น
พ่อ : ใครเป็นคนผสมลูกลักษณ์นะ ตาหงส์หรือตาหยิบ
ลุงมนต์ : เรื่องนี้จำไม่ได้หว่ะ ชักแก่แล้ว 2 คนนี้แหละ แถวบ้านเราเซียนๆ เพาะก็ 2 คนนี้ จำได้แต่ไม้เด็ดๆ ของแก อย่างตาหงส์นี่แดงเลือดนก แล้วก็เหลืองอะไรนี่แหระ
ตาหยิบก็ต้องแดงลิ้นจี่ สวย แล้วก็ตามัยเป็นอีกคนที่เพาะเยอบีร่าเก่ง กอละร้อยเอย ชมพูตามัยเอย
แต่ลักษณ์ขาวลูกลักษณ์นี่ไม่แน่ใจ จำได้แค่เขาเพาะจากลักษณ์ต้นเดิม ก็เลยเรียกว่านี่ลูกลักษณ์ เพราะเป็นลูกที่เกิดจากลักษณ์ต้นเดิม แต่พอพ่อเอ็งมีลักษณ์แดง ก็เลยมาเรียกลักษณ์ขาว คู่กับลักษณ์แดงแทน แล้วไอ้ลักษณ์ต้นเดิมมันก็สูญพันธุ์ไปนานแล้ว โอ้ยย 40 - 50 ปีได้แล้วมั้ง พอมีลักษณ์ขาวเขาก็เลิกปลูกลักษณ์ต้นเดิม เพราะก้านสั้น หันมาปลูกลูกลักษณ์ ลักษณ์ขาวแทน เสียดายหลายต้น ไอ้สีส้มสร้อยฟ้า แววนกยูง พอมีส้มกุมารมาแทนก็เลิกปลูกกันหมด

เมื่อเดินมาถึงบริเวณซุ้มประตู ซึ่งพ่อมักจะวางอุปกรณ์เครื่องมือทำสวน ทั้งของเก่าและของใหม่ปนกัน
ลุงมนต์ : เออเฮ้ย...ถังนี่ยังอยู่อีกรึเนี่ย ไอ้หนู รู้เปล่าว่านี่ถังใช้ทำอะไร
Me : พ่อกับย่าบอกไว้ผสมปุ๋ยรดเยอบีร่าสมัยก่อนคะ
ลุงมนต์ : ปุ๋ยสูตรพิเศษ
ถังไม้สำหรับผสมปุ๋ย


***มาถึงจุดที่แนะนำว่าไม่ควรอ่านระหว่างรับประทานอาหาร

Me : พ่อว่าปุ๋ยที่ดีที่สุดคือ ขี้คน จริงมั้ยคะลุง
ลุงมนต์ : ฮ่าๆ ในสมัยก่อนถ้าจะจริง ปุ๋ยธรรมชาติที่ดีที่สุดก็ ขี้คนนี่หละ ขี้วัว ขี้ควาย ขี้หมู ขี้ไก่ อะไรนี่สู้ไม่ได้ แถวสวนผักเมื่อก่อนนี่ก็ใช้รดผักเขียวชะอุ่ม รดขิงก็ขิงตาแดงเลยหล่ะ รดเยอบีร่าเองก็ให้ดอกงาม
พ่อ : ความรู้จากภูมิปัญญาชาวจีนที่มาทำสวน ถังไม้ที่ใช้นี่ก็ถังของชาวจีน
Me : ไม่เหม็นเหรอลุง
ลุงมนต์ : ก็เหม็นบ้างแต่ไม่อันตรายแบบสารเคมี อันนั้นเหม็นแสบจมูก
Me : อึใส่ถังนี่เลยเหรอ
พ่อ : ไม่ใช่ ถังนี่ไว้ใช้ผสม ชาวสวนแบบเราสมัยก่อนห้องส้วมแค่ไม้กระดานพาดแผ่นบนปากตุ่มที่ฝังไว้ครึ่งหนึ่ง พอจะเต็มปู่ก็จะตักใส่ถังนี่ ผสมกับเศษปลาหมักไปรดต้นไม้
Me : ..................

หลังจากนั้นพ่อกับลุงมนต์ก็หันมาคุยเรื่องราวอดีต และพันธุ์พืชสวนอื่นๆ .....
ก่อนกลับไปพร้อมลักษณ์แดง 1 กระถาง และนิลนนท์ 1 กระถาง ที่พ่อรบเร้าอยากให้
ลุงมนต์ : ไปแล้ว ไม่ต้องให้อะไรแล้วนะ นี่กะจะปั่นจักรยานอีกสักรอบ ให้งี้ก็ต้องกลับบ้านแล้วเนี่ยปั่นไม่รอด ไปนะ
และแล้วลุงมนต์ก็ปั่นจักรยานจากไป.....

ปัจจุบันลุงมนต์ไม่ได้ทำสวนแล้ว เลิกทำสวนเยอบีร่ามา 30 กว่าปี เนื่องจาก วัยที่เพิ่มขึ้น และพื้นที่เมืองขยายตัว และรายล้อมไปด้วยหมู่บ้านจัดสรรแทน แหล่งน้ำที่เคยใช้แต่เดิมสภาพก็ไม่เหมือนเมื่อครั้งเก่าก่อน ชาวสวนเยอบีร่าละแวกนี้ก็เช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่ทยอยเลิกปลูกกันไปในช่วงพ.ศ. 2531-2534 แล้วบ้างก็หันปลูกมะกรูด ทำเกษตรพืชสวนผสมผสาน บ้างที่มีฐานะหน่อยก็หันไปเลี้ยงกล้วยไม้ บ้างก็ค่อยๆ ทยอยขายที่ จากพื้นที่การเกษตรค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหมู่บ้านจัดสรร ตามความเจริญของเมืองเส้นทางคมนาคมที่ขยายเข้ามาสู่ฝั่งธนบุรี

ก่อนหน้านั้นคือยุคบุกเบิกเยอบีร่าไทย
30 กว่าปีก่อนของยุคทองของดอกไม้ที่ชื่อเยอบีร่า
30 กว่าปีต่อมาของการหายตัวไปของต้นไม้ต้นนี้
30 ปีต่อไปจะเป็นอย่างไรหน๋อ...เจ้าเยอบีร่าไทย

ที่มา : Reuan Yaya Garden

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

นิทานพื้นบ้าน ขุนช้าง-ขุนแผน สู่การตั้งชื่อเยอบีร่าไทย


ชื่อเยอบีร่าไทย จากนิทานพื้นบ้าน
ขุนช้าง-ขุนแผน


ชื่อ (เรียงจากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา) : หมื่นหาญ  นางพิม(ลูกผสม) กุมาร ทองประศรี และเทพทอง


หนึ่งใน วรรณกรรม สำคัญที่รู้
นี้มีผู้ ตั้งชื่อไว้ ให้มากมาย
ตั้งตามตัว ละคร ทำนายทาย
นิทานไทย พื้นบ้าน ขุนช้าง-แผน

เริ่มต้นด้วย ตัวเอกดอก สีแดงสด
งามหมดจด ตำนาน สะท้านแสน
เรียกกล่าวขาน ต้นหนึ่ง-สอง นามขุนแผน
ตามด้วยแฟน นางพิม พิลาไลย

ดอกสีปูน คนเก่าก่อน ตั้งชื่อไว้
อีกสูญไป แดงส้ม นามขุนช้าง
ซ้อนกลีบน้อย ซอยชั้น ดอกบางบาง
เหมือนผมร้าง หัวล้าน ขุนช้างเอย

อีกมารดา ขุนช้าง นางเทพทอง
เปรียบดอกของ เยอบีร่า บานเบ่ง
ออกส้มเหลือง ดอกใหญ่ ให้ดอกเก่ง
พินิจเพ่ง ต้องแสง ดั่งทองเชียว

อีกหนึ่งเหลือง สีสด ใจดอกเขียว
คือหนึ่งเดียว นามว่า ทองประศรี
มารดาของ ขุนแผน ชายชาตรี
อีกดอกมี สีส้ม แดงหมื่นหาญ

เป็นโจรป่า มีลูกสาว ชื่อบัวคลี่
เป็นผู้มี อาคม เข้าอาจหาญ
ใช้บุตรสาว มาหลอก เป็นแผนการ
แสนสะท้าน ขุนแผน โต้กลับไป

ให้ช้ำชอก เสียลูก และเสียใจ
ผ่าท้องไว้ ปลุกเสก กุมารทอง
เปรียบดอกของ เยอสีส้ม มิเป็นรอง
เป็นเหตุต้อง สูญต้นอื่น สีนี้ไป

เช่นในเรื่อง สีส้ม ชื่อสร้อยฟ้า
ภรรยา พลายงาม เหลือชื่อไว้
แทนที่ด้วย กุมาร ดอกสวยใหญ่
และอีกต้น ได้ชื่อไว้ จากเรื่องนี้

มีดอกสี ชมพูปูน หวานสวยดี
ชื่อนามนี้ มิใช่ใคร คือเณรแก้ว
ขุนแผน ในวัยเยาว์ คราวบวชแล้ว
ผู้คลาดแคล้ว ชื่อพลายแก้ว ก่อนหน้านั้น

แลขอจบ เล่าเรื่องชื่อ ที่นำมา
เยอบีร่า ผูกร้อยเรียง ชื่อพันธุ์
นิทาน พื้นบ้านไทย มาสร้างสรรค์
คล้องชื่อกัน กับดอกเยอ-บีร่างาม

จาก ส่วนหนึ่งของหนังสืออ่านนอกเวลา คุณครูอารยา

หมายเหตุ : นิทานพื้นบ้านเรื่องขุนช้าง-ขุนแผนนี้ยังมีตัวละครอีกหลายคนที่ไม่ได้กล่าวถึง และเป็นการยกเรื่องราวมาแต่งเป็นบทกลอนเพียงบางส่วนเท่านั้นเพื่อให้สอดคล้องกับชื่อของเยอบีร่าไทยที่คนในยุคก่อนได้ตั้งชื่อไว้ในอดีต


ชื่อเยอบีร่าไทย จากนิทานพื้นบ้าน ขุนช้าง-ขุนแผน

(ซึ่งหลายต้นอาจสูญพันธุ์ไปแล้ว หรืออาจจะมีมากกว่าที่กล่าวถึง)

1.ขุนแผนต้น 1 ต้น 2
ดอกสวยมากสีแดงสด สว่าง ก้านสั้น ปัจจุบันขุนแผนต้นเดิมยังไม่ปรากฏให้เห็น ทั้งขุนแผนต้น 1 และขุนแผนต้น 2

2.นางพิม 
(พิมพิลาไลย/วันทอง ภรรยาขุนช้าง-ขุนแผน)
เยอบีร่าไทย: นางพิม (ผสม)
ปัจจุบันพบเพียงพันธุ์ที่ผสมขึ้นใหม่ให้มีกลีบดอกหนาขึ้น จากนางพิมต้นเดิมที่มีลักษณะกลีบดอกบางกว่า แต่เป็นสีชมพูเดียวกัน คือคล้ายกับสีปูนแห้ง

3.ขุนช้าง
สีของดอกออกสีส้มแดงกลีบบางมากไม่นิยมปลูก ซึ่งคาดว่าน่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว

4.ทองประศรี 
(นางทองประศรีแม่ขุนแผน)
เยอบีร่าไทย: ทองประศรี
ดอกสีเหลืองติดเขียว ดอกแน่นหนากลมสวยมากๆ แต่ในบางพื้นที่กลับเรียกต้นนี้ว่าเหลืองถ่อ (ซึ่งในพื้นที่เขตตลิ่งชันซึ่งเป็นแหล่งพันธุ์เยอบีร่าไทยดั้งเดิมนั้น เหลืองถ่อจะเป็นอีกต้นหนึ่ง ซึ่งลักษณะจะไม่เหมือนกันกับเหลืองทองประศรี)

5.เทพทอง 
(นางเทพทองแม่ขุนช้าง)
เยอบีร่าไทย: เทพทอง
ดอกสีส้มเหลือง ดอกค่อนข้างใหญ่มาก กลีบซ้อนหลายชั้นฟูหนา สวยมากๆ เช่นกัน

6.กุมาร 
(กุมารทองบุตรชายของขุนแผนกับนางบัวคลี่ที่ถูกปลุกเสกเป็นของวิเศษสำคัญ 3 อย่างของขุนแผน)
เยอบีร่าไทย: กุมาร
เป็นต้นพันธุ์ท้ายๆ ที่ถูกปรับปรุงพันธุ์มาใช้แทนสีส้มต้นอื่นๆ ต้นพันธุ์มาจากทางปลายบาง นนทบุรี เนื่องด้วยสีที่สดและสวย กลีบหนากว่า จึงเป็นสาเหตุให้ชาวสวนหันมานิยมปลูกกุมารแทนดอกสีส้มอื่นๆ และดอกสีส้มชื่ออื่นๆ ค่อยๆ สูญพันธุ์ไป อาทิ สร้อยฟ้า แววนกยูง (เยอบีร่าสีส้มในยุคแรกๆ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยกุมาร)

7.หมื่นหาญ 
(บิดาของนางบัวคลี่ภรรยาขุนแผนอีก 1 คน)
เยอบีร่าไทย: หมื่นหาญ
ดอกสีส้มแดง กลีบค่อนข้างบาง ก้านอ่อนสีเข้ม (ดั้งเดิมในท้องที่ตลิ่งชันไม่ได้ปลูกไม้ต้นนี้ ได้พันธุ์/ข้อมูลชื่อพันธุ์มาจากแหล่งอื่น)

8.สร้อยฟ้า 
(ภรรยาพลายงามบุตรขุนแผนกับนางพิม)
เป็นไม้สีส้มในยุคแรกๆ สีส้มติดเหลืองเล็กน้อยกลีบละเอียด แต่ให้สีส้มไม่สดเท่ากับกุมาร จึงถูกทดแทนด้วยกุมารเลยค่อยๆ หายไป เนื่องจากชาวสวนเลิกปลูกแล้วหันมาปลูกกุมารตัดดอกขายแทน

9.เณรแก้ว 
(วัยเยาว์สมัยบวชเรียนของขุนแผน เดิมชื่อพลายแก้ว)
ดอกสีชมพู ดอกไม่ใหญ่มากนัก สวยหวาน น่ารัก ปัจจุบันไม่ทราบว่ายังคงเหลือพันธุ์อยู่รึไม่

หมายเหตุ : เยอบีร่าไทยนั้นมีชื่อเรียกมาจากคนยุคก่อนได้ตั้งชื่อไว้เมื่อประมาณ 60 กว่าปีก่อนในยุคเฟื่องฟูบุกเบิกของเยอบีร่าไทย ข้อมูลข้างต้นไม่ใช่ข้อมูลในเชิงวิชาการ ไม่สามารถใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเพียงข้อมูลจากประสบการณ์ตรงของชาวสวนเยอบีร่าไทยดั้งเดิมในเขตตลิ่งชัน จากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น

ที่มา : Reuan Yaya Garden 

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เยอบีร่า ดอกไม้ ความหมาย ความเชื่อ

เยอบีร่า ดอกไม้ ความหมาย ความเชื่อ

Gerbera: เยอบีร่า ดอกไม้มีความหมายแทนความความสุข แทนความรัก ที่ซื่อตรง มั่นคง


ดอกเยอบีร่าดอกไม้ประจำเดือน เมษายน 
ดอกไม้ฤดูร้อนในต่างประเทศ แต่ในเมืองไทยอากาศเย็นๆ คือช่วงที่เยอบีร่าในบ้านเราสวยที่สุด ประมาณเดือน พ.ย.-ม.ค. (สมัยก่อนนิยมมากในเดือนเมษาเช่นกันในเทศกาลสงกรานต์)
เป็นนิยมใช้มอบเพื่อแสดงแทนความสุข มีความหมาย "ขอให้มีความสุข ประสบความสำเร็จในชีวิต" เนื่องจากสีสันสดใสสวยงามและมีหลากหลาย จึงเป็นตัวแทนของความสุขที่ผู้ให้ต้องการมอบให้แด่ผู้รับ และยังใช้แทนความรักที่หมายถึง ความซื่อตรง ความมั่นคง ในความรัก นอกจากนี้ดอกเยอบีร่ามีคุณสมบัติพิเศษในการดูดซับสารพิษอาคาร สิ่งก่อสร้าง การซื้อดอกเยอบีร่า หรือการประดับดอกเยอบีร่าตามอาคาร สำนักงาน บ้านเรือน จึงเป็นที่น่าสนใจ เพราะนอกจากให้ความหมายที่ดีแล้วยังมีคุณสมบัติพิเศษต่างจากดอกไม้อื่นๆ อาจจะเหมาะกับคนเมืองไม่น้อยทีเดียว


เรื่องเล่า: เยอบีร่าไทย ดอกไม้กับเรื่องราวของความเชื่อสู่การนำไปใช้ประโยชน์ที่หลากหลาย


ในสมัยก่อน

      ในประเทศไทย เยอบีร่าไทยถูกผูกไว้กับความเชื่อมากมาย โดยเฉพาะในอดีต เนื่องจากสมัยก่อนดอกเยอบีร่าเป็นไม้ดอกจากต่างประเทศที่นิยมเข้ามาปลูกในยุคแรกๆ ประมาณ 50-60 ปีก่อน ที่ดอกไม้อืนๆ ยังไม่เข้ามามีบททบาทมากนัก ผู้คนจึงนิยมใช้ประโยชน์จากดอกเยอบีร่าในการทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่บูชาพระ กราบไหว้ขอพรสิ่งศักสิทธิ์ ประกอบพิธีกรรมต่างๆ อาทิ เช่น

- เยอบีร่าเคยเป็นที่นิยมนำไปบูชาพระพรหมเอราวัณ 
สำหรับเยอบีร่าไทยในสมัยหนึ่งเคยเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับพวงมาลัยที่ร้อยจากดอกเยอบีร่าใช้ในการกราบไหว้บูชาบนบานศาลกล่าวพระพรหมเอราวัณในอดีต จุดเริ่มต้นของมาลัย 7 สี 7 ศอก เนื่องจากมีความหลากหลายของสีสัน จึงนิยมนำมาร้อยสลับเข้ากับดอกรัก/ดอกพุดเป็นพวงมาลัย โดยใช้เยอบีร่า 7 สี ร้อยสลับกับดอกรัก/ดอกพุด(ดอกไม้สีขาว) ให้มีความยาว 7 ศอก เป็นมาลัยดอกไม้สดไหว้ศาลพระพรหม รวมถึงพิธีกรรมต่างๆ ที่ใช้มาลัย 7 สี 7 ศอก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดอกไม้พลาสติกหลากสีในปัจจุบัน

- เคยนิยมมากทางโคราช (นครราชสีมา)ในการกราบไหว้แม่ย่าโม 
ในสมัยก่อนจะมีแม่ค้าดอกไม้ขับรถมากจากโคราชเพื่อมารับดอกไม้อยู่เรื่อยๆถึงสวนในกรุงเทพฯ (บางกรวย ตลิ่งชัน) ซึ่งในอดีตเป็นที่นิยมมากเชื่อกันว่าเป็ยดอกไม้ที่แม่ย่าโมชอบ หากไหว้แม่ย่าโมให้กราบไหว้ด้วยดอกเยอบีร่า

- เคยเป็นดอกไม้ที่นิยมไปวัด ในวันพระ ทั้งในลักษณะของกำดอกไม้ หรือดอกเล็กสำหรับเป็นอุบะมาลัย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ในสมัยก่อนเยอบีร่าจะเป็นที่นิยมมาก ดอกไม้จะขายดีและได้ราคาสูง แต่ปัจจุบันเนื่องจากปริมานของเยอบีร่าไทยมีน้อยลงชาวสวนส่วนใหญ่เลิกปลูก เนื่องจากมีดอกไม้สวยๆ ใหม่ๆ เข้ามาแทนที่มีตัวเลือกมากมายความนิยมจึงค่อยๆ ลดลงจนหายไป

ปัจจุบัน

     ปัจจุบันยังคงมีใช้ทำอะไร เยอบีร่าไทยไม่ได้ถูกมาใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลายเหมือนในอดีต มีเพียงบางกลุ่มยังใช้อยู่บ้างนอกเหนือจากการซื้อไหว้พระทั่วไป
     สำหรับเยอบีร่านอก ทางภาคเหนือยังนิยมปลูกตัดดอกขายกันอยู่ก็จะเป็นดอกเยอบีร่าสวยๆ เหล่านี้ถูกนำมาขายยังแหล่งรับซื้อดอกไม้อย่างปากคลองตลาด เพื่อกระจายสู่ร้านขายดอกไม้ต่อไป นิยมนำมาจัดช่อดอกไม้ ใช้จัดพวงหรีด จัดใส่ถ้วยเล็กๆ วางขายซึ่งสะดวกเหมาะสำหรับใช้บูชาหิ้งเล็กๆ หรือประดับโต๊ะทำงานใน office เนื่องจากเยอบีร่านอกจากมีความสวยงามและมีหลากสีสันตามความชอบแล้ว ยังมีคุณสมบัติพิเศษ ในการดูดซับสารพิษในอากาศได้ 
     ส่วนเยอบีร่าไทยกลีบละเอียดเนื่องจากชาวสวนส่วนใหญ่ได้เลิกปลูกเพื่อตัดดอกขายไปแล้วจึงไม่มีให้พบเห็นโดยทั่วๆไป แต่ยังคงมีบางแห่งที่ยังเก็บพันธุ์ไว้และขายบริเวณชุมชนในวันพระในบางพื้นที่ 
และในความเชื่อเฉพาะกลุ่มบางกลุ่มยังคงใช้ เยอบีร่าประกอบพิธีกรรม 

เยอบีร่า 7/9 สี 7/9 ดอก ในการทำพิธีสะเดาะเคราะห์
เยอบีร่า 12/15 สี 12/15 ดอก ในการทำพิธีต่อชะตาชีวิต

ที่มา : Reuan Yaya Garden 
ชุดเยอบีร่าไทย 12 สี 12 ดอก
แดงถูกแทง แสงอาทิตย์ สุรเสน(ผสม) ลูกลักษณ์ กุมาร สีดา ขาวเล็บครุฑ 
โอล์ดโรส นางพิม(ผสม) กลีบบัว ลักษณ์แดง ลักษณ์ก้านดำ

5 Color of Thai Gerbera


5 Color of  Thai Gerbera

โทนสีหลักของเยอบีร่า


White Tone

เยอบีร่าไทยโทนสีขาว ได้แก่
         - จักรสั้น
         - จักรยาว
         - ขาวลูกไม้
         - ขาวครีม (บางพื้นที่เรียก จักรสั้น)
         - ขาวเล็บครุฑ (บางพื้นที่เรียก จักรสั้น)
         - มณฑา
         - ขาวตาแจ๋ว
         - ขาวประภาศรี
     ลูกผสม ลูกไม้สีขาวอื่นๆ อาทิ ขาวมะลิ (บางพื้นที่เรียก จักรยาว) ฯลฯ

ชื่อ : ขาวเล็บครุฑ
ชื่อ : ขาวครีม

ชื่อ : ขาวมณฑา
ชื่อ : ขาวลูกไม้

ชื่อ : ขาวมะลิ
ชื่อ : ขาวจักรยาว

Yellow Tone

เยอบีร่าไทยโทนสีเหลืองได้แก่
         - สีดา
         - เหลืองใหญ่(ต้นเดิม) (บางพื้นที่เรียก สีดา)
         - เหลืองใหญ่ปลายบาง
         - ทองประศรี (บางพื้นที่เรียก เหลืองถ่อ)
         - พระลักษณ์
         - เหลืองไข่ไก่ (บางพื้นที่เรียก พระราม นวลละออ)
         - เหลืองถ่อ
   ลูกผสม ลูกไม้สีเหลืองอื่นๆ อาทิ นวลจำปา เหลืองส้ม ฯลฯ



ชื่อ : เหลืองใหญ่ (ต้นเดิม)

             
ชื่อ : เหลืองใหญ่ปลายบาง
ชื่อ : เหลืองไข่ไก่

ชื่อ : ทองประศรี

ชื่อ : ลูกไม้ปลายบาง (นวลจำปา)

ชื่อ : เหลืองพระลักษณ์



Pink Tone

เยอบีร่าไทยโทนสีชมพู (ชมพู บานเย็น ชมพูส้ม)ได้แก่
         - แดงวิจิตร
         - ลักษณ์แดง
         - ลักษณ์ขาว ลูกลักษณ์
         - กอละร้อย (บางพื้นที่เรียก สามกอร้อย)
         - ชมพูตามัย (บางพื้นที่เรียก สามกอร้อย)
         - บัวหลวง
         - นางพิม
         - โอล์ดโรส
         - เณรแก้ว
         - กระดาษ
         - แม่ลักษณ์
     ลูกผสม ลูกไม้สีชมพูอื่นๆ อาทิ ลูกผสมนางพิม  แก้วฟ้า ชมพูปูน ไอ่กระ กลีบบัว แขกดำฯลฯ

ชื่อ : ลักษณ์แดง
ชื่อ : ลักษณ์ขาว

ชื่อ : ชมพูตามัย
ชื่อ : กอละร้อย

ชื่อ : โอล์ดโรส
ชื่อ : ชมพูกลีบบัว

ชื่อ : แดงวิจิตร
ชื่อ : บัวหลวง

ชื่อ : แก้วฟ้า
ชื่อ : ลูกผสมนางพิม

Red Tone

เยอบีร่าไทยโทนสีแดง ได้แก่
         - ลักษณ์ก้านดำ
         - แดงถูกแทง(ต้นเดิม)
         - แดงถูกแทง แดงใหญ่
         - แดงพื้นเมือง (บางพื้นที่เรียก ขุนแผนต้นใหม่)
         - ขุนแผน 1
         - ขุนแผน 2
         - แดงเลือดนก
         - แดงลิ้นจี่
     ลูกผสม ลูกไม้สีแดงอื่นๆ

ชื่อ : ลักษณ์แดงก้านดำ
ชื่อ : แดงพื้นเมือง (ขุนแผนต้นใหม่)

ชื่อ : แดงถูกแทง (แดงใหญ่)
ชื่อ : แดงถูกแทง (ต้นเดิม)

Orange Tone

เยอบีร่าไทยโทนสีส้ม (ส้ม ส้มเหลือง ส้มแดง)ได้แก่
         - แสงอาทิตย์
         - นิลนนท์  (บางพื้นที่เรียก แดงตาเปิ่น สีอิฐ)
         - หมื่นหาญ
         - ศรีสุวรรณ (บางพื้นที่เรียก สุรเสน)
         - สุรเสน
         - สุรเสน 2 (บางพื้นที่เรียก สร้อยทอง)
         - สีอิฐ
         - ขุนช้าง
         - กุมาร
         - เทพทอง
         - สร้อยฟ้า
         - แววนกยูง
         - วงศ์พระจันทร์
         - ส้มพื้นบ้าน
     ลูกผสม ลูกไม้สีแดงอื่นๆ อาทิ ส้มเหลือง (บางพื้นที่เรียก สีดา) ฯลฯ
ชื่อ : เทพทอง
        
ชื่อ : วงศ์พระจันทร์


ชื่อ : ส้มเหลือง
ชื่อ : กุมาร

ชื่อ : ศรีสุวรรณ
ชื่อ : สุรเสน 2

ชื่อ : ส้มพื้นบ้าน
ชื่อ : แสงอาทิตย์
ชื่อ : นิลนนท์
ชื่อ : หมื่นหาญ
***หมายเหตุ เยอบีร่าไทยหลายพันธุ์อาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว เหลือแค่เพียงคำบอกเล่าของชาวสวน
เยอบีร่าในสมัยก่อน และในแต่ละท้องถิ่นที่ปลูกอาจเรียกแตกต่างกันไป ข้อมูลนี้อ้างอิงจากชาวสวน
เยอบีร่าในเขตตลิ่งชันซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด แหล่งใหญ่ของเยอบีร่าไทยเมื่อ 50-60 ปีก่อน ไม่สามารถใช้ในเชิงวิชาการ 100%